ฝุ่นละอองเล็กๆ ที่ปกคลุมผืนฟ้าเหนือหลายๆ จังหวัดของไทย รวมถึงควันไฟที่ลอยคละคลุ้งรอบตัว จากวิกฤตไฟป่าครั้งใหญ่ทุกแห่งหน กลายเป็นส่วนหนึ่งของอากาศที่เราหายใจอย่างชินชาไปตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? ถึงเวลาแล้วหรือยังที่เราจะหยุดความสนิทกับสิ่งแวดล้อมที่เป็นพิษไว้เพียงแค่นี้?
ขึ้นปี 2020 มาหยกๆ ตั้งใจไว้อย่างดีว่าปีนี้นี่ล่ะ จะต้องเปิดรับสิ่งดีๆ และซึมซับพลังบวกเข้ามาในชีวิตให้เยอะที่สุด แต่พอหันกลับมามองโลกรอบตัวจริงๆ เท่านั้น…กลับกลายเป็นว่าสิ่งเดียวที่ได้เปิดรับ คือวิกฤตสิ่งแวดล้อมทั่วโลก ที่ค่อยๆ ย่างกรายมาส่งผลต่อชีวิตมากขึ้นทีละน้อย
ไฟป่า ฝุ่นพิษ วิกฤตไม่ปกติ ที่เกิดขึ้นจนเป็นปกติ
ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ ที่โลกเริ่มส่งสัญญาณอันตรายมาทักทายมนุษย์เรา แต่สิ่งที่รู้คือวันนี้ฝุ่นร้ายขนาดเล็ก PM 2.5 ที่ทั้งสะบัดก็แล้ว ทั้งสลัดก็แล้ว ก็ไม่หายไปไหน ยังลอยกลับมาก่อมลพิษทางอากาศอีกจนได้
‘เชียงใหม่เข้าขั้นวิกฤติ อากาศแย่ติดอันดับ 5 ของโลก’ ตื่นมาแล้วก็ได้ยินข่าวประมาณนี้ทุกวัน พร้อมกับการก้าวขาออกจากบ้านมาพบกับหมอกควันที่เต็มไปด้วยฝุ่นละออง PM2.5 ปกคลุมทั่วทุกหนทุกแห่ง จนหายใจไม่เต็มปอด มองอะไรไม่ถนัด ทั้งผื่นทั้งสิว ยกขบวนมาเต็มไปหมด
ความหวังที่จะให้ฝนตกมาชะล้างฝุ่นพิษให้เกลี้ยง ก็กลับโดนพับเก็บ เพราะผลจากภัยแล้งในปี 2020 นี้ ‘ถ้าอย่างนั้น ก็หนีไปเที่ยวรับอากาศดีๆ ที่อื่นกันดีกว่า’ คิดเหมือนกันใช่ไหม?
แต่หนีเสือแบบนี้ ก็ไม่วายปะจระเข้จนได้ เหมือนกับที่นักท่องเที่ยวคนหนึ่ง ได้ออกมาบอกเล่าประสบการณ์พาครอบครัวหลบฝุ่นจากกรุงเทพฯ ไปยังเขาค้อ หวังจะดื่มด่ำกับธรรมชาติและสูดอากาศบริสุทธิ์ แต่กลับกลายเป็นว่าต้องมาเจอกับการเผาป่าตลอดสองข้างทาง…หมอกควันของฝุ่นพิษที่หนีมา ได้ส่งต่อไม้ผลัดให้ควันไฟที่อันตรายยิ่งกว่าเดิมซะแล้ว
สุดท้ายเราก็วนกลับมาที่เดิม เพราะไฟป่าที่ลุกลามไปทั่ว ได้ก่อตัวกลับมาเป็นฝุ่นควันเล็กๆ ลอยปกคลุมทั่วโลก พร้อมพาอันตรายไปสู่ทุกชีวิตที่อาศัยอยู่บนโลกนี้ ไม่ว่าจะไฟป่าในประเทศไทยที่ยาวไปจนถึงตอนเหนือของกัมพูชา จากการเผาไร่ทำลายป่าทุกหย่อมหญ้า หรือแม้แต่ในพื้นที่ที่ไกลออกไปอย่างออสเตรเลีย ที่ตั้งแต่ปลายปี 2019 ไฟป่าร้อนระอุครั้งใหญ่ได้แผดเผาสรรพสิ่งในธรรมชาติไปอย่างน่ากลัว
หากแต่ลูกเรื่องราวเหล่านี้ เกิดขึ้นบ่อย จนดูราวกับเป็น ‘เรื่องปกติ’ เกินไปหรือเปล่า? ถึงเวลาแล้ว ที่เราทุกคนจะลุกขึ้นมารวมพลัง ลงมือทำบางสิ่ง ที่จะเรียกคืนสิ่งแวดล้อมดีๆ ให้กลับมาสู่ชีวิตของตัวเอง พร้อมส่งต่อให้กับคนรอบตัว และลูกหลานอย่างยั่งยืน
ส่งต่อภารกิจ พิชิตความยั่งยืนไม่สิ้นสุด
ที่ผ่านมา แสนสิริเองไม่เคยหยุดที่จะสร้างมาตรฐานใหม่ เพื่อรักษาโลกใบเดิมให้ยังคงสดใส น่าอยู่ และพร้อมจะคงอยู่ต่อไปอย่างยั่งยืน นับตั้งแต่การประกาศ Sansiri Green Mission ในปี 2018 พร้อมกับการมาของแนวคิดและการริเริ่มภารกิจ “เปลี่ยน…เพื่ออนาคตของโลกที่ยั่งยืน” ผ่านการลดการใช้พลังงาน และลดการปล่อยของเสียในทุกๆ โครงการให้ได้ปีละมากกว่า 10% อย่างต่อเนื่อง
แต่ภารกิจนี้ยังหยั่งรากลึกมามากกว่าที่คิด เพราะกว่า 35 ปีที่ผ่านมา มีอย่างหนึ่งที่ไม่เคยหายไปไหน นั่นคือการมุ่งมั่นรักษาคุณค่ายิ่งใหญ่ของธรรมชาติ อันเป็นคุณค่าที่จะคงอยู่คู่กับเราตลอดไป ผ่าน 4 กระบวนการแห่งความใส่ใจไม่สิ้นสุด
ไม่ว่าจะเป็นการ “เก็บ” ต้นไม้ใหญ่ที่มีอยู่เดิมให้เติบโตไปพร้อมกับทุกชีวิตในบ้าน การ “เลือก” ชนิด ขนาด ตำแหน่งของต้นไม้จากป่าปลูก ตามความเหมาะสมของพื้นที่และสภาพแวดล้อม แทนการขุดทำร้ายและย้ายต้นไม้ใหญ่มา การ “ปลูก” ต้นไม้ อย่างถูกต้องตามหลักการในทุกรายละเอียดเพื่อให้ต้นเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน รวมไปถึงการ “รักษา” พร้อมดูแลต้นไม้แต่ละต้นด้วยความใส่ใจและเชี่ยวชาญ จากความรู้ที่รุกขกรหรือหมอต้นไม้มอบให้ พร้อมส่งต่อความรู้นี้ผ่านคู่มือดูแลต้นไม้ให้นิติบุคคล และผ่าน Home Service Application ให้กับลูกบ้านทุกๆ คน
สิ่งเหล่านี้เองล้วนแต่คงอยู่คู่กับแต่ละโครงการ จนกลายเป็นเรื่องราวและเรื่องเล่าของต้นไม้ที่ได้รับการส่งต่อคุณค่ายิ่งใหญ่ไม่จางหาย หรือที่คุ้นหูในชื่อ Sansiri Tree Story
แต่ภารกิจของเราไม่ได้จบเพียงเท่านั้น เพราะจากเจตนารมณ์เดิมที่มั่นคงนี้ ได้นำมาซึ่งการมาเยือนของพื้นที่สีเขียวแห่งใหม่ ที่ถูกขยายและส่งต่อให้คนรุ่นใหม่ ในรูปแบบของ Sansiri Backyard สวนผักออร์แกนิคสุดร่มรื่นใจกลางเมืองกว่า 14 ไร่ ที่ T77 Community และหัวหิน เพื่อส่งมอบความสุขในการสร้างสรรค์พื้นที่สีเขียวด้วยมือของตัวเอง ผ่านคอมมูนิตี้สีเขียวแห่งนี้ ให้กับสังคมและชุมชนบนโลกใบนี้ต่อไป
Sansiri Tree Day พาโลกเขียวขจีกลับคืนมา
จากวิกฤตสิ่งแวดล้อมที่โอบล้อมอยู่รอบตัวเรา และความตั้งใจตลอดมาที่จะร่วมสร้างพื้นที่สีเขียวอย่างเต็มกำลัง เพื่อพาโลกที่เต็มไปด้วยความสดใสกลับคืนมา พร้อมส่งต่อให้ลูกหลานอย่างยั่งยืนนี่ล่ะ จึงได้เกิดเป็น Sansiri Tree Day วันที่ทุกคนจะรวมพลังกันทำเพื่อสิ่งแวดล้อมที่ดีขึ้น วันที่เราจะเดินหน้าสานต่อ Green Mission อีกก้าวไปด้วยกัน
ภารกิจครั้งใหม่นี้ที่จะเกิดขึ้น มาพร้อมเป้าหมายสำคัญที่จะปลูกต้นไม้ให้ได้มากกว่า 1 แสนต้น! ฟังไม่ผิด 1 แสนต้นนี่ล่ะ เพราะนั่นเทียบเท่าการดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เฉลี่ยมากถึง 1,000 ตัน/ปี พร้อมกับเป็นการลดอุณหภูมิโลกและลดฝุ่นควันพิษไปในตัว
ยิ่งกว่านั้น ความพยายามของเรานี้ ก็จะไม่ได้เกิดขึ้นอย่างโดดเดี่ยว แต่จะเกิดขึ้นไปพร้อมกับความพยายามของผู้คนในทุกหนแห่งทั่วโลกที่ตระหนักถึงวาระสำคัญในการคืนพื้นที่สีเขียวให้กับโลกนี้เช่นกัน
เหมือนที่ทั่วโลกต่างกำลังออกมารณรงค์ พร้อมกับตั้งเป้าหมายเพื่อโลกที่ยั่งยืน ไม่เว้นแม้แต่ในการประชุมผู้นำเศรษฐกิจโลก หรือ World Economic Forum (WEF) ประจำปี 2020 ซึ่งกำลังเกิดขึ้นอยู่ขณะนี้ ระหว่างวันที่ 21-24 มกราคม ณ เมืองดาวอส สวิตเซอร์แลนด์ ก็ได้มีการประกาศก้องถึงภารกิจยิ่งใหญ่ “One Trillion Trees” หรือการฟื้นฟูธรรมชาติที่กำลังถูกทำลาย เก็บรักษาพื้นที่สีเขียวที่เหลืออยู่บนโลก รวมทั้งปลูกต้นไม้ แผ่ขยายพื้นที่สีเขียวนี้ออกไป ด้วยการเพิ่มต้นไม้บนแผ่นดินโลกให้ได้ 1 ล้านล้านต้น! ภายในปี 2030 เพราะต้นไม้จำนวนนี้นี่เอง จะช่วยบรรเทาความรุนแรงของสภาพภูมิอากาศโลก อันเกิดจากฝีมือมนุษย์ที่ขยันปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ จนกลายเป็นปัญหาโลกร้อนซึ่งระอุขึ้นเรื่อยๆ ตามมา
ภารกิจในการขยายพื้นที่สีเขียวเพื่อโลกที่น่าอยู่และอนาคตที่ยั่งยืน จึงไม่ใช่เรื่องของคนใดคนหนึ่ง ชุมชนใดชุมชนหนึ่ง หรือประเทศใดประเทศหนึ่ง แต่เป็นสิ่งที่ต้องการการ “รวมพลัง” จากเราทุกคน และต้องการการเริ่มต้นลงมือจริง แม้แต่ในพื้นที่เล็กๆ ของเรา
ว่าแล้วก็ไม่รอช้า เตรียมพร้อมพิชิตภารกิจใหม่ครั้งแรก 26 มกราคม 2020 นี้ เพื่อต้อนรับสิ่งดีๆ ในปีใหม่ไปด้วยกัน ว่าแต่ภารกิจนี้มีอะไรรออยู่บ้างนะ?
ภารกิจที่ 1 ปักหมุดรอจอยได้เลยกับกิจกรรม Green Our Home ที่ขอชวนลูกบ้านแสนสิริมาปลูกกล้าไม้อย่างน้อยแค่เพียงคนละ 1 ต้น เปลี่ยนบ้านที่ถูกกำลังถูกฉาบด้วยหมอกฝุ่นละอองสีเทา ให้เป็นสีเขียวสดชื่นด้วยมือเราแทน
ภารกิจที่ 2 บอกเลยว่าต้องเตรียมตัวให้ดีขึ้นไปอีก เพราะ 26-31 มกราคมนี้ #ทีมบ้าน vs #ทีมคอนโด จะสู้กันสักตั้ง ในกิจกรรม Green Battle ปล่อยพลังเนรมิตพื้นที่สีเขียวให้กว้างไกลกว่าที่เคย นำทีมมาเลยเก๋ๆ จากเหล่าคนดังหัวใจกรีน ที่จะร่วมปลุกพลังปลูกต้นไม้ในพื้นที่บ้านของตัวเอง แล้วแชร์รูปให้ไกลถึง Sansiri PLC Facebook พร้อมติด #SansiriTreeDay
และภารกิจที่ 3 ไม่ต้องรอให้ใครมาแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมที่ชวนให้เสียสุขภาพ มาปรับโลกนี้ให้ดีและน่าอยู่ด้วยตัวเราเอง
ร่วมเป็น 1 พลังที่จะพิชิตเป้าหมายในการขยายพื้นที่สีเขียว ด้วยการเพิ่มต้นไม้บนโลกให้ได้ถึง 1 แสนต้นในวันที่ 26 มกราคมนี้ เพื่อช่วยขจัดฝุ่นควันและไอพิษในอากาศ พร้อมกับให้ต้นไม้เหล่านี้เป็นอีกหนทางในการช่วยลดอุณหภูมิโลก อันเป็นหนึ่งในสาเหตุของการเกิดไฟป่าที่คร่าชีวิตมากมายบนโลกของเราไป
เพราะพื้นที่เล็กๆ มีความหมายมากมายกว่าที่คิด มาร่วมเปลี่ยนพื้นที่เล็กๆ ของคุณให้เป็นพื้นที่สีเขียว ที่คอยเติมเต็มความสุขและความสดชื่นสดใสให้ทุกชีวิตบนโลก พร้อมส่งต่อบ้านหลังนี้ที่น่าอยู่และเต็มไปด้วยคุณค่าจากธรรมชาติ ให้กับลูกหลานตัวน้อยของคุณ และทุกชีวิตรอบๆ ตัวคุณกัน
และด้วยพื้นที่เล็กๆ สีเขียวที่เราทุกคนรวมพลังปลูก สร้าง และแผ่ขยายออกไปให้ไกลที่สุดนี้ วันหนึ่งจะต้องกลายเป็นพื้นที่อันทรงพลัง ที่จะทำให้ทุกชีวิตบนโลกได้เปิดรับสิ่งดีๆ อากาศดีๆ และสภาพแวดล้อมดีๆ ในทุกๆ วันอย่างแน่นอน
26 มกราคมนี้ มาช่วยทำให้โลกที่น่าอยู่อย่างยั่งยืนเกิดขึ้นจริงๆ ไปพร้อมกัน